DJ Console ในระดับโปรแท้ ๆ ตัวแรกจาก Hercules
วีระวัฒน์ วีระประเสริฐศักดิ์ และ DJ MRSX77
หาก ท่านผู้อ่านยังพอจำรายงานจาก NAMM ปีที่แล้วหรือติดตามข่าวสารมาโดยตลอด จะพบว่าปีสองปีหลังที่ผ่านมา มีผู้ผลิตน้อยใหญ่มากมาย โดดลงมาเล่นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีเจคอนโทรลเลอร์กันจนเลือกไม่ถูก ตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิตสินค้าดีเจไปจนถึงกลุ่ม Pro Audio ที่มีตลาดกว้าง ต่างก็ส่งผลิตภัณฑ์มาร่วมวงไพบูลย์กันถ้วนหน้า เมื่อกล่าวถึง Hercusles ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่ง DJ Console ออกมาสู่ตลาดก่อนใครตั้งแต่เมื่อ 4-5 ปีก่อน ปรับกระบวนทัพครั้งใหญ่เพื่อต่อสู้กับศึกครั้งนี้ โดยการออกแบบเว็บไซต์ใหม่หมดจดทันสมัยมากขึ้นในสไตล์เว็บ 2.0 (ชม http://www.hercules.com) และส่ง DJ Controller ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Hercules DJ Console RMX ออกมาสู่ตลาด ซึ่งมาคราวนี้นั้น เล่นกับระดับโปรเลยทีเดียว และโชคดียิ่งกว่าที่บ้านเรามีตัวแทนจำหน่ายโดยตรงอย่าง MUSIC2HOME ผู้เขียนจึงได้รับของมาทดลองเหมือนกับรุ่นก่อนที่เคยได้เล่นครับOVERVIEW
มอง ในภาพรวม RMX ฉีกรูปแบบเดิมที่เราเคยเห็นในรุ่น DJ Console MK II เสียจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ด้วยการใช้ Brushed Metal ห่อโครงสร้างหลักห่อหุ้มพลาสติกที่แข็งแรงแบบที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ระดับอาชีพ ทำให้ RMX สามารถยืนประชันหน้ากับอุปกรณ์ระดับโปรได้อย่างสบาย ปุ่มทุกปุ่มเคลือบสีเงิน ดูกลืนไปกับ Brushed Metal Panel ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแรง แม้ว่ามันจะทำมาจากพลาสติกธรรมดาๆ ก็ตาม ปุ่มกดทุกปุ่ม ซ่อน LED สีน้ำเงินไว้ข้างใต้ ทั้งยังมีความรู้สึกในการกดที่หนัก ไม่ดูอ่อนยวบ ความรู้สึกแบบนี้จะมันมากๆ หากเราเล่นเพลงบีทหนักๆเร็วๆมันๆ
ปุ่ม Jog Wheel ทำด้วยพลาสติกเช่นกัน แต่ปิดด้านบนด้วยยาง ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดีมาก ลื่นไหลแต่เนียนแน่น แต่จุดสำคัญมากๆคือการตอบสนองต่อเสียงครับ ปุ่มทั้งหมดเล่นบนซอฟต์แวร์ Virtual DJ (จะกล่าวถึงอย่างละเอียดต่อไป) บน iMac นั้น ไม่มีความรู้สึกหน่วงเลยแม้แต่นิดเดียว โดยที่เราไม่ต้องยุ่งกับ Configuration บน Mac OSX ด้วยเลย (ตัวระบบของ RMX ไม่อนุญาติ) ซึ่งก็น่าทึ่งและง่ายมากๆ (จริงๆแล้วต้องยกความดีให้ Core Audio ด้วย) แต่บน Windows ไดร์เวอร์เสียงคือ ASIO ซึ่งทำงานได้ดีและสามารถปรับแต่ง Configuration ได้อย่างเต็มที่ครับ
จุด ที่ผู้เขียนออกจะขำๆ แต่เป็นเรื่องที่ดีมาก คือ RMX มาพร้อมกับกระเป๋า Softcase (แต่แข็งแรงเกินมาตรฐาน Softcase ทั่วไป) ด้วยเลยครับ ทำให้เราไม่ต้องเดือดร้อนตัด Hardcase หรือหากระเป๋าอะไรที่เหมาะสมให้มัน อยากให้เรื่องนี้เป็นมาตรฐานของอุปกรณ์ระดับโปรไปด้วยเลย
แต่ทำดี แล้วก็ยังมีจุดพลาดเล็กๆอีกสองจุด คือการที่ไม่แถมสายสัญญาณมาให้ ซึ่งควรจะแถมอย่างน้อย 2 ชุดทั้ง RCA และ 1/4" Unbalanced เพื่อให้ต่อเอาท์พุทได้พอดี คิดเข้าข้างผู้ผลิตคือ ถ้าแถมแบบถูกๆมา แล้วดีเจไม่อยากใช้ ก็สู้ไม่แถมมาเลยดีกว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ Pro เสีย และจะว่าไปซาวน์การ์ดระดับโปรก็ไม่แถมกัน แต่กรณีที่เลวร้ายที่สุดของผู้ใช้คือการที่ไปถอยมาจนกลับถึงบ้านแล้วกลับพบ ว่าเล่นไม่ได้ ต้องออกไปหาซื้อสายสัญญาณมาใหม่นี่ล่ะ หรือเอาแบบฝันร้ายคือซื้อมาเพื่อจะไปใช้ออกงานจริงเลย แต่กลับพบว่ายังเล่นไม่ได้ (มือโปรท่านใดอ่านอยู่ ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นี่นะครับ เพราะผู้เขียนทำบ่อย) จุดที่สองคือจุดที่ถือเป็นเรื่องปกติของ DJ Console Series คือเรื่องที่มันไม่มีปุ่มเปิดปิด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มองข้ามไปได้ เครื่องดนตรีของผู้เขียน 2 ตัวล่าสุด ก็ไม่มีปุ่มเปิดปิดเช่นกัน แค่เสียบสาย USB ก็เล่นได้เลย
RMX ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB (ให้มาด้วย) แต่ก่อนจะต่อในครั้งแรก คู่มือแนะนำว่าให้ติดตั้ง Driver เสียก่อน แผ่นซีดีที่ติดมาด้วยเป็นแผ่นแบบ Hybrid คือทั้ง Windows และ Mac OS ต่างก็มองเห็นและติดตั้งโปรแกรมได้ทั้งสอง Platform ต่างจากรุ่นที่ผ่านๆมา ที่มีการแยก Platform ชัดเจน ว่าอันไหนเป็น Mac อันไหนเป็น Win ในแผนจะมี Driver (รวมซอฟต์แวร์ Control Panel) และซอฟต์แวร์คู่ขวัญอมตะนิรันดร์กาลอย่าง VirtualDJ 5 DJC Edition ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่รุ่นแรก ก่อนหน้านี้ถ้าเป็น DJ Console บน Mac ตัวเก่า ซอฟต์แวร์ที่แถมมาจะเป็น NI Traktor LE ครับ มาคราวนี้ VirtualDJ มีเวอร์ชันบน Mac ก็แถมมาใช้ด้วยเลย ทำให้ไม่ดูแตกแปลกแยกเหมือนแต่ก่อน
IN & OUT
อย่าง ที่เข้าใจได้ว่า RMX จะไม่ได้ให้อะไรมาเกินกว่าความจำเป็นในการใช้ มี 4 Outs สำหรับ 2 Decks ทั้งแบบ RCA สำหรับใช้ซ้อมกับระบบเครื่องเสียงตามบ้าน และ 1/4" Unbalanced สำหรับใช้กับ PA ในสถานการณ์จริง และยังให้ Input มาอีก 4 ช่องทั้ง RCA และ 1/4" Unbalanced เช่นเดียวกันซึ่งจะมีช่องต่อ Ground สำหรับนำอินพุทเข้ามาจาก Turntable ด้วย
ขณะที่ช่องไมค์และช่องเฮดโฟนให้มาอย่างละ 2 ช่อง ทั้งบน Top Panel และ Front Panel (ชมภาพประกอบ) แต่ไม่ได้หมายความว่ามันใช้แยกกันได้เหมือนอุปกรณ์ระดับอาชีพทั่วไปนะครับ มันใช้ได้ครั้งละหนึ่งชุดเท่านั้น สมมติว่าเราเสียบเฮดโฟนพร้อมกันสองช่อง โดยไม่รู้มาก่อน อันที่จะมีเสียงดังคืออันที่อยู่ด้าน Top Panel ครับ ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้กับไมค์เช่นกัน (มืออาชีพบางท่านอาจสงสัยว่า งั้นจะให้มาทำไมถึงอย่างละ 2 ช่อง?)
VIRTUAL DJ 5 DJC EDITION
หลังจากผ่านขั้นตอนการติดตั้งอันแสนง่ายไปแล้ว ผู้เขียนก็เปิดซอฟต์แวร์ Virtual DJ 5 DJC Edition ขึ้นมาเพื่อสนองความกระหายทันที
GUI ออกแบบมาโดยแบ่งเป็นสองส่วนบน-ล่าง คือส่วนที่เป็น Control Panel ที่ใช้สี Brushed Metal เหมือนกับตัว Hardware กับส่วนที่เป็น Music Browser ที่ใช้พื้นหลังสีดำตัดกับตัวอักษรสีขาว ว่ากันตามตรง แม้ Virtual DJ เวอร์ชันนี้จะมี GUI ที่ดูดีที่สุด ตั้งแต่ได้เคยใช้ Virtual DJ มา แต่ภาพรวมแล้ว ยังห่างไกลกับมาตรฐาน GUI ที่เรียกว่าสวยในปัจจุบัน ในฐานะเป็นผู้ใช้และเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ GUI มาตลอด เราจะพบว่า GUI แบบ Brushed Metal ที่ Apple Inc. เริ่มต้นใช้กับซอฟต์แวร์ของตัวเองมาตั้งแต่ 1999 ในวันนี้มันดูล้าหลังไปเสียแล้ว ขณะที่การวางองค์ประกอบยังมีจุดเล็กๆน้อยๆให้ขัดใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของตำแหน่งและความคมชัดของตัวอักษร Hercules และตัวอักษรที่แสดงเวลา และตัวอักษรอื่นๆบน Panel ที่เบลอเสียจนทำให้โปรแกรมดูด้อยกว่าโปรแกรมระดับอาชีพตัวอื่น หรือการที่เว้นพื้นที่ด้านซ้ายขวาไว้ ในส่วนของ Panel ซึ่งน่าดูดีในตัวมันเอง แต่มันไม่เข้ากับองค์ประกอบของตัว Hardware ที่ลงตัวกว่ามากๆในแง่ของระยะห่างและพื้นที่ระหว่าง Control Element เข้าใจว่าเป็นการทำงานแยกกันระหว่างคนทำซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นคนนอก กับคนออกแบบฮาร์ดแวร์ซึ่งเป็นคนในบริษัทครับ ทำให้การควบคุมในส่วนนี้ทำได้ยาก
ทั้งหมดที่กล่าวมาผู้ใช้ทั่วไปอาจ ไม่ใส่ใจเลยก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของรสนิยมและความเรื่องมาก (นิดๆ) ของผู้เขียน และจะว่าไปแล้ว การใช้งาน Virtual DJ ผ่าน RMX นั้น ลื่นไหลเอามากๆ RMX ถูกออกแบบให้ควบคุมทุกอย่างตั้งแต่การเลือกเพลง โหลดเพลง เล่นเพลง เล่นเอฟเฟกต์ โดยไม่ต้องแตะตัวคอมพิวเตอร์อีกหลังจากเปิดโปรแกรมครั้งแรก ดังนั้น GUI ทั้งหลายบนหน้าจอนั้น แทบไม่มีความหมาย นอกจากใช้ดูเพลง ตำแหน่งเพลง การซิงค์ และ Visual Feedback อีกเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น
เรื่อง ของ Visual Feedback ตัว RMX เองจะมี LED คอยแจ้งสถานะของปุ่มว่า ปุ่มไหนทำงานอยู่ แม้แต่ปุ่ม Sync ก็จะกระพริบไฟตามจังหวะ ซึ่งก็มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ เพียงแต่รุ่นนี้ใช้ไฟสีน้ำเงินอย่างเดียว ไม่ฉูดฉาดหวือหวาจนเหมือนชิงช้าสวรรค์แบบรุ่นก่อน แต่จุดด้อยที่ผู้เขียนพบในแง่ของ Visual Feedback เล็กน้อยครับ คือการไม่ยอมแสดงไฟสถานะของการเล่นเอฟเฟกต์ ซึ่งมีอยู่ 6 ตัว (loop in, loop out, pitch bend -, pitch bend +, flanger, beatgrid) บนแต่ละ Decks ซึ่งเราต้องดูที่หน้าของซอฟต์แวร์แทน ที่บอกว่าจุดด้อยก็เพราะปุ่มอื่นๆนั้นแสดงไฟหมด ยกเว้นปุ่มเอฟเฟกต์ที่ควรจะแสดงเช่นกัน ถ้าคิดในแง่ดีก็คือการเล่นเอฟเฟกต์นั้น ส่วนใหญ่มีผลชัดเจนเป็น Aural Feedback อยู่แล้ว
ขณะที่ระบบแสดง Metering ที่เหมือนเป็นจุดด้อยมาตลอด ก็ได้รับการแก้ไขจนมีการตอบสนองได้สมจริงขึ้นมาก เสียแต่ว่ามันเล็กเกินไป ทำให้ดูไม่สวยและไม่โปรเท่านั้น
สรุปเรื่องซอฟต์แวร์นั้นทำงานได้ ดีครับ เปิดมาก็สนุกดได้เลย โดยไม่ต้องปรับอะไรเลย ที่ผู้เขียนติดคือเรื่องของ GUI ที่ยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น ปัญหานี้แก้ได้โดยการใช้ซอฟต์แวร์ระดับโปรอย่าง Traktor DJ โดยใช้การเซ็ตค่านิดหน่อย ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตนั้น ก็จะมีไฟล์ Setting ของ Tracktor DJ ให้ดาวน์โหลดมาใช้ได้เช่นกัน
READY TO GO...
ทดลอง เล่นเองจนหนำใจแล้ว ผู้เขียนเก็บใส่กระเป๋าแล้วยกไปทดสอบสถานการณ์จริงที่ร้าน True Urban Park ที่สยามพารากอน กับ DJ Lite (Mrsx77) ซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว การทดสอบคราวนี้จะเล่นทั้งบน Mac และ Windows เลยครับ พบว่าเครื่อง Mac รุ่นเก่าอย่าง iBook นั้น นิ่งสนิทเลย พอมาเล่นบน Windows ที่สเปค 1.66 GHz Ram 512 MB รัน ASIO ที่ 4-6 ms สบายๆ บน Windows ยังใช้ไดร์เวอร์แบบ WDM ได้ด้วย (แต่ไม่แนะนำครับ) ไปจนถึงสามารถปรับค่า Bit Depth/Sample Rate ได้เหมือนเคย (บน Mac ทำไม่ได้ บังคับเล่นที่ 16/44.1 เท่านั้น) ลองมาฟังความเห็น DJ Lite กันครับ
"กับ Virtual DJ มี efx มาให้สองชนิด เป็น franger และ beat grid เหมาะสำหรับดีเจแนว electronic หากต้องการลูกเล่น scratch นั้นมีปุ่มเพื่อเปิดโหมด scratch เหมือน cdj เลยครับ พอเปิดโหมด ก็สามารถใช้ jogwheel scratch ได้เลยทันทีแต่ถ้าปิดไว้ก็ใช้เป็น pitchbend ปกติ ซึ่งชอบมากๆ เพราะไม่ถนัดการกดด้วยปุ่ม pitch +/- เนื่องจาก wheel มีขนาดเล็กเลยทำให้รอบค่อนข้างไว เวลาปรับต้องขยับเบาๆ นะครับเพราะไม่อย่างนั้นตีกันแน่ๆ หรือถ้าจวนตัวจริง ก็ sync ได้แต่ไม่ค่อยแนะนำนักนอกจากเป็นเพลงที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพราะเคยลองแล้ว มั่วครับ เลยไม่ค่อยมักง่ายใช้นัก การเลือกเพลงทำได้โดยปุ่ม ลูกศรที่มีบนเครื่อง และกดปุ่ม load deck a หรือ b ตามสเต็ปครับ ส่วนไฟล์เพลงนั้นสามารถ เลือกบนช่องด้านซ้ายได้เลยครับตามแฟ้มที่เราตั้งไว้บนคอมพิวเตอร์หรือถ้าใช้ร่วมกับไอทูนจะสะดวกมากๆ เพราะจะโหลดชื่อ เพลง ศิลปิน อัลบั้ม ความเร็ว ทุกๆอย่างที่เราใส่ข้อมูลไว้บนไอทูนครับโหลดใช้ได้เลยไม่ต้องเลือกและตั้งใหม่ แต่แนะนำว่าควรทำการ analyze track ก่อนนะครับเพราะจะทำให้โหลด deck ได้ไวขึ้นเพราะถ้าเครื่องไม่ไวจริงมีกระตุกครับมิกซ์จนแทบจะทุกแนวยกเว้น trance กว่า 1.5 ช.ม. นิ่งมากๆ ราบเรียบ เสียงดีใช้ master out ผ่าน djm 600 แอมป์ quest ลำโพง nexo ไม่มีอาการฟ้องเรื่องเสียงที่ได้จาก mp3 อาจจะเป็นเพราะใช้ encode ที่ 192 khz จากต้นฉบับถือว่าผ่านครับ
เกือบลืมไปนิดครับเนื่อง RMX นั้นมี ปุ่มเพื่อเลือก source จากภายนอกด้วยไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นชนิดใดที่ต่อพ่วงได้ด้วย สายสัญญาณแบบ RCA คือเราใช้ RMX แทน mixer ได้ เพียงแต่ต้องเปิดโปรแกรม Virtual dj 5 DJC edition ไว้ด้วย แต่เสียงที่ได้เบสจะบวมนิดหน่อยครับ"
"กับ Traktor 2.6 ถ้าไม่อยากเสียเวลา edit midi นะครับ มีการตั้งค่าให้โหลดในหน้าเว็บของ Hercules ทั้ง traktor 3 และ 2.5 เนื่องจากไม่เคยใช้เวอร์ชั่น 3 มาก่อนเลยขอลองด้วยเวอร์ชั่นหากิน ปรับแต่งตรง cue play/pause เล็กน้อยเพื่อความสะดวก อันนี้แล้วแต่สไตล์ครับ ตั้งค่า ความหน่วงเท่ากันกับก่อนหน้านี้ปุ่มทุกปุ่มทำงานพร้อม อ้อ กับ traktor ผมตั้งให้เป็น external mixer ครับ เลือกค่า midi เป็น RMX โหลด setting ที่ได้จากเว็บไซต์ โหลดเพลงจาก เพลย์ลิสต์จากไอทูน วิเคราะห์หาบีทและ เวฟฟอร์มก่อน แล้วก็เล่นได้เลยลื่นไหลเช่นเคย แต่หน่วงเวลาปรับ tempo pitch slide ต้องแตะให้โปรแกรมรู้ตัวก่อนหนึ่งครั้ง นอกนั้นสบาย เทสด้วยเซ็ตเดิมไป 1 ช.ม. ไม่มีอะไรติดขัดสามารถใช้งานได้สบายแต่ใช้ ปุ่ม source จากภายนอกไม่ได้นะครับตัวโปรแกรมไม่อำนวย ใช้ pitch +/- จาก Jogwheel ไม่ได้นะครับ ที่เหลือผ่านครับเอาไปใช้ได้เลยจะปาตี้ขำๆ หรือออกงานก็ได้ มีเวลาเหลือเลยลองแบบ 24 bit ดูประมาณครึ่งช.ม.ทั้งสองโปรแกรมก็ไม่มีอะไรติดขัด แต่ต้องระวังเรื่องของวินโดว์ xp บางเวอร์ชั่นครับที่เป็นเวอร์ชั่นโมแล้วอาจจะทำให้เกิดจอฟ้าได้ โดนมาแล้วเช่นกัน เลยใช้เวอร์ชั่นปกติซึ่งไม่ติดปัญหาดังกล่าวเลย"
CONCLUSION
สำหรับ งานระดับอาชีพ ผู้เขียนพบว่าปัจจัยสำคัญที่สุดของอุปกรณ์ นั้นคือเรื่องของสเถียรภาพครับ ยิ่งเป็นงานที่เกี่ยวกับการแสดงอย่าง DJing แล้ว ยิ่งสำคัญมาก Hercules DJ Console Rmx สอบผ่านในเรื่องนี้สบาย เพราะผู้เขียนไม่เห็นอาการสะดุดใดๆเลย การนำไปใช้งานจริงตามสถานที่ต่างๆกว่า 2 สัปดาห์นั้น ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจในการใช้งานให้มากขึ้นอีกระดับสำหรับ Rmx นั้นยังให้ Look & Feel ที่ดีมาก สามารถนำไปใช้เป็นอุปกรณ์แต่งบ้านเพื่อใช้ในงานปาร์ตี้เพื่อนฝูง หรือวางประชันในบูธดีเจตั้้งแต่สถานบันเทิงระดับเล็ก กลางไปจนถึงใหญ่ เพื่อใช้ในสถานการณ์ระดับอาชีพได้อย่างไม่ขัด
ถ้าท่านผู้อ่านอยาก จะลองเล่นเพลงแบบดีเจซักครั้ง ด้วยงบประมาณไม่ถึง 2 หมื่นบาท Hercules DJ Console Rmx น่าจะให้คำตอบที่ถูกที่สุด ที่เก็บความเป็นมืออาชีพอยู่ข้างในตัวไว้เต็มๆ