แม้ MIDI จะมีบทบาทสำคัญในงานเสียงมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เพลงที่เราได้ยินเกือบทั้งหมด คือไฟล์ Audio คุณภาพสูงที่ผ่านการเรนเดอร์มาจากซินธีไซเซอร์แล้ว ไม่ใช่เสียงจาก Wavetable ห่วย ๆ ที่เล่นจากไฟล์ MIDI Sequence เพราะแม้แต่เพลงเกมที่ทุกวันนี้ใช้วงออร์เครสต้าจริงมาเล่นเลยด้วยซ้ำครับ ลืมเสียง 8 Bit ที่เราคุ้นเคยในวัยเด็กไปได้เลย
แต่ MIDI อาจกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในการมีบทบาทสำคัญในวงการเกมครับ เมื่อ Jason Page กับ Michael Kelly จาก Sony ขึ้นบรรยายในงาน Game Developer Conference 2007 (GDC 2007) โดยมีสาระสำคัญที่เซอร์ไพรส์ใครหลายคนคือ ทิศทางต่อไปของ Game Audio บน PS3 จะเน้นไปที่ MIDI เป็นหลัก เพราะเราสามารถที่จะใส่ Sample เสียงคุณภาพสูงอย่างที่เราใช้ในงาน Music Production เข้าไปในเครื่องเกมเพื่อรอการทริกเกอร์เสียงเหล่านี้จาก MIDI ได้ ซึ่งผลลัพธ์ก็จะเหมือนงานเพลงทั่ว ๆ ไปในปัจจุบัน
เหตุผลที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่า ถ้าเป็น MIDI แล้ว มันเป็นการง่ายและยืดหยุ่นมาก ๆ ที่จะสร้างบทเพลงที่ปรับตัวตามเงื่อนไขของเกมได้ (Interactive-Adaptive Score) ขณะที่ข้อมูล Audio เราสามารถที่จะนำมาโปรเซสหรือเรียงลำดับใหม่ได้แค่นั้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมานี้ กลุ่มคนหัวก้าวหน้าอย่าง Interactive Audio Special Interest Group (IASIG) กำลังทำการร่างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา โดยใช้หลักการของ XMF ซึ่งมีพื้นฐานเหมือน MIDI หากแต่มันรวมไฟล์ Sample เข้าไปเป็นก้อนเดียวกัน เพื่อใช้กับ Game Audio นี่ล่ะครับ
ที่น่าตลกก็คือ ระบบในอนาคตก็คือระบบที่เราคุ้นเคยกันมากว่า 20 ปี (Famicom ก็ใช้หลักการเดียวกัน) โดยมี Audio มาคั่นกลาง เพื่อรอการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ให้ก้าวหน้าขึ้นก่อน เพื่อให้ MIDI กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง (ในการใช้งานจริงแล้ว อาจไม่ใช้ MIDI แต่ใช้ Format ที่มีหลักการเหมือนกัน)
ถ้าใครเคย Chat MSN กับผม คงจะเคยเห็นผมจ่าหัวไว้ว่า "The Future of Music is Interactive" นี่อาจใกล้ความจริงเข้ามาทุกที ๆ
No comments:
Post a Comment